รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?
BYD BD Auto Group

ในยุคที่เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicles) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในการลดการใช้พลังงานที่เป็นมลพิษและการรักษาสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคทั่วไปและวงการยานยนต์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม พร้อมกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบางครั้งอาจถูกพูดถึงว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือความปลอดภัยในการใช้งาน เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่อาจเกิดเสี่ยงในกรณีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ

ในบทความนี้เราจะศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้าว่า “รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?” รวมถึงการดูแลและการบริหารจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงความจริงที่มีอยู่และสามารถตัดสินใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นใจได้

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

หากถามว่า “รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?” เราบอกเลยไม่อันตรายเพราะการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV มีข้อดีหลายประการ เช่น ไม่มีปล่องไหม้ที่มาจากการเผาน้ำมัน มลพิษที่เกิดจากการเผาน้ำมันกำจัดไปได้ ลดการปล่อยก๊าซเสียจากหม้อเครื่อง และเสียงรบกวนต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแบตเตอรี่ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการระเบิดของแบตเตอรี่ในกรณีอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม การออกแบบและการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดที่ถูกต้องในการผลิต ดังนั้น สำหรับผู้ใช้รถยนต์ EV การรักษาและการดูแลรักษาเท่าความสำคัญในการขับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ และการปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างถูกต้องจึงจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้

เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันได้รับการทดสอบ IP Rating (Ingress Protection) หรือก็คือค่ามาตรฐานในการป้องกันของแข็งและของเหลวเล็ดลอดเข้าไปในแบตเตอรี่ โดยจะทำการทดสอบหลายขั้นตอน เช่น การทดสอบแรงดัน ด้วยการให้รถวิ่งด้วยความเร็ว 5-10 กม./ชม. ลุยน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซม. ในระยะทาง 500 เมตร เพื่อทดสอบว่าสามารถขับได้หรือไม่?

การทดสอบใต้น้ำ โดยนำรถแช่ไว้ในน้ำ 24 ชม. เพื่อทดสอบว่าเมื่อยกรถขึ้นมาแล้วแบตเตอรี่ระเบิดภายใน 2 ชม. หรือไม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบว่าอุปกรณ์ต่างๆ มีการหุ้มฉนวนดีหรือไม่ จนออกมาเป็นค่า IP หรือค่ามาตรฐานในการป้องกันตัวรถที่ไม่ต่ำว่า IP67 การันตีว่าสามารถขับลุยน้ำท่วมลึกไม่เกิน 1 เมตร ได้ไม่เกิน 30 นาที

รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility & Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ผู้เชี่ยวชาญรถยนต์ไฟฟ้า บอกว่า รถยนต์ EV จะมีแบตเตอรี่อยู่ใต้ท้องรถ โดยมีการออกแบบให้สามารถวิ่งลุยน้ำได้ในระดับหนึ่ง…

ระดับหนึ่งที่ว่า หมายถึงว่า โดยทั่วไปหากเกิดน้ำท่วม และมีระดับน้ำเกินขอบประตูรถยนต์ถือว่าเริ่มเสี่ยงแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นรถยนต์น้ำมัน หรือ รถ EV เจอน้ำท่วมระดับนี้ก็ไม่ควรจะเสี่ยงขับต่อ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนขับรถต้องระมัดระวัง

รศ.ดร.ยศพงษ์ อธิบายว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่ ด้านล่างตัวรถ ฉะนั้น บริษัทรถยนต์จึงมีการออกแบบระบบให้ป้องกันน้ำได้ระดับหนึ่ง ซึ่งระดับการป้องกันน้ำ บางบริษัทจะระบุเป็นโค้ต “IP” (เหมือนโทรศัพท์มือถือที่มีการโฆษณา) ซึ่งค่า IP รถยนต์ไฟฟ้า ที่ได้มาตรฐาน จะต้องไม่ต่ำกว่า IP67 และสูงจนถึงระดับ IP69

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

โดยทั่วไปค่ายรถยนต์จะไม่ได้บอกตัวเลขเหล่านี้โดยตรง บอกแต่เพียงว่าสามารถกันน้ำได้เท่าไร?

สำหรับ IP67 จะสามารถป้องกันน้ำ จมน้ำ ได้ประมาณ 30 นาที ฉะนั้น รถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรลุยน้ำสูงเกิน 30 นาที เพราะมิเช่นนั้นก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในระบบแบตเตอรี่ หากน้ำเข้าไปในแบตฯ แล้วเกิดการ “ช็อต” ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เพราะเมื่อไหร่ที่ไฟฟ้าช็อต เครื่องยนต์ทุกอย่างก็จะดับ

ปกติแล้ว เวลาขับรถลุยน้ำสูงจริงๆ เต็มที่ก็ไม่น่าเกิน 10 นาที แต่…เมื่อไหร่ก็ตาม ว่าคุณเห็นว่ามีน้ำท่วมสูง และประเมินแล้วมีโอกาส รอด แบบนั้นไม่ควรลุย เพราะรถยนต์ถูกออกแบบแตกต่างจากเรือ คุณต้องประมาณการให้ได้ว่า รถยนต์มีความเสี่ยงแค่ไหน

ความจริงเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมัน การขับรถยนต์ไฟฟ้าในสภาพน้ำท่วมอาจมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า รถยนต์น้ำมันมากเนื่องจากไม่มีการดูดอากาศเข้าเครื่องยนต์ เหตุนี้ทำให้มีโอกาสเสียหายน้อยลงเมื่อเทียบกับรถยนต์น้ำมัน แต่ควรระวังการให้น้ำเข้าตัวรถ หากน้ำเข้าไปภายในเครื่องยนต์ มันก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้นการรักษาความระมัดระวังในการขับรถในสภาพน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และควรรีบหยุดรถและนำไปตรวจเช็คทันทีหากพบว่ามีน้ำเข้าสู่ระบบเครื่องยนต์

เมื่อถามว่ามีเคสรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV จมน้ำบ้างไหม? รศ.ดร.ยศพงษ์ กล่าวว่า “ไม่แตกต่างจากรถน้ำมันเลย เพราะหากรถไฟฟ้าจมน้ำ เครื่องก็จะดับ โอกาสเสียชีวิตมาจากการจมน้ำมากกว่าโดนไฟดูด”

รถยนต์ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่?

ตอนฝนตกชาร์จแบตรถไฟฟ้าได้หรือไม่?

บอกเลยว่า ได้ เพราะที่ชาร์จรถไฟฟ้าได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ขณะฝนตก โดยจะมีช่องระบายน้ำช่วยป้องกันน้ำขัง มีระบบตัดไฟรั่วและลงสายดินไว้ เพื่อความปลอดภัย ด้านตัวรถยังมีระบบป้องกัน Ground Fault Detection เซนเซอร์ที่จะตัดกำลังไฟฟ้าทันทีหากมีกระแสไฟรั่วไหลในวงจร มาพร้อมซีลกันน้ำ ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนกระเด็นเข้าขั้วชาร์จไฟฟ้าอีกด้วย จึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน จริงๆแล้วตัวที่ชาร์จนี้ออกแบบมาให้สามารถชาร์จได้ตอนฝนตก อยู่แล้ว ตัวแท่นชาร์จมีการติดตั้งระบบสายดินรวมถึงการถ่ายเทน้ำเพื่อไม่ให้มีน้ำขังอีกด้วย หรือแม้กระทั่งตัวรถ EV เองก็มีระบบที่จะตรวจจับการลัดวงจร หากมีการลัดวงจรระบบก็จะตัดอัตโนมัติเช่นกัน

ควรจอดรถยนต์ตากแดดหรือไม่?

ประเทศไทยถือว่ามีสภาพอากาศที่ร้อนๆ ในยามที่ไม่มีฝนตก หากจอดรถตากแดด จะทำให้สิ่งของต่างๆ ในรถเกิดผลเสียได้ สิ่งที่ไม่ควรเก็บไว้ในรถ ประกอบด้วย

  • แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) : เพราะความร้อนจะทำให้เสื่อมประสิทธิภาพได้
  • อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ทุกชนิด : ความร้อนอาจทำให้วงจรภายในได้รับความเสียหาย เสี่ยงต่อการช็อตและระเบิดได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค เป็นต้น
  • สเปรย์แอลกอฮอล์ สเปรย์กระป๋อง : ความร้อนทำให้แก๊สในกระป๋องขยายตัว มีแรงดันสูง เสี่ยงเกิดการระเบิดได้
  • ไฟแช็ก : เป็นสารเคมีอันตรายที่ไม่ควรโดนความร้อน
  • แผ่นยางกันลื่นหน้ารถ : หากโดนแดดเผาละลาย จะกลายเป็นคราบเหนียวติดคอนโซลหน้ารถได้
  • ยา : แสงแดดทำให้ยาเสื่อมสภาพ คุณสมบัติในการรักษาลดลง

คำถามที่พบบ่อย

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้หรือไม่?

ขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละคัน ส่วนใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในเมืองหรือบริเวณทางหลวงไม่มีความพร้อมในการลุยน้ำอย่างล้ำค่า เนื่องจากไม่มีการป้องกันพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ระบบไฟฟ้าของรถ

มีรถยนต์ไฟฟ้าใดที่สามารถลุยน้ำได้บ้าง?

บางรถยนต์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาพถนนล้นน้ำหรือมีการข้ามแหล่งน้ำ โดยมีการป้องกันน้ำเข้าสู่ระบบไฟฟ้าอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ซีลล์ และการออกแบบระบบไฟฟ้าในตัวรถให้มีความเสถียรภาพเมื่อเจอน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายต่อรถและผู้โดยสารที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์เหล่านี้

การลุยน้ำของรถยนต์ไฟฟ้ามีความเสี่ยงอย่างไร?

การลุยน้ำของรถยนต์ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าของรถ และความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบคุณสมบัติและความสามารถของรถยนต์ก่อนการใช้งานในสภาพน้ำท่วมหรือเส้นทางที่มีน้ำในปริมาณมากๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด

ติดต่อเรา

บทความที่น่าสนใจ

ตารางผ่อน SEAL (Web H)
(สูงสุด 240,000 บาท เมื่อซื้อ BYD SEAL คันใหม่) แคมเปญส่งเสริมการขาย BYD ฉลองครบรอบ 30 ปี สำหรับ BYD SEAL ทั้ง 3 รุ่นย่อ...
ตารางผ่อน M6 (Web H)
BYD M6 รถยนต์ไฟฟ้า 100% MPV ตัวใหม่ล่าสุดของ BYD ที่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะห้องโดยสารที่กว้างขวาง ที...
ตารางผ่อน Dolphin (Web H)
New BYD Dolphin รถยนต์ไฟฟ้าจาก BYD ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าเป็นน้องโลมา ถูกออกแบบมาเหมาะสำหรับใช้งานในเมือง  ที่มีความโ...
ตารางผ่อน ATTO3 (Web H)
New BYD ATTO 3 MY2024 เป็นรุ่นเปิดตัวใหม่ปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้ใช...
ตารางผ่อน SEALION 6 (Web H)
BYD SEALION 6 DM-i เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รุ่นแรกของ BYD ในประเทศไทย เป็นการทำงานผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินแล...
DENZA D9 ภาพปก (Web H)
รถตู้ไฟฟ้า 100% สุดหรู 7 ที่นั่งประตูสไลด์ เปิดตัวในไทย 1 พฤศจิกายนนี้ มีการออกแบบที่เน้นความหรูหรา โดดเด่นด้วยกระจังหน้...
กำลังเพิ่มข้อมูล