รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า มีความแตกต่างกันอย่างไร?
รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า เป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลายในวงกว้างของวงการยานยนต์ในปัจจุบัน แต่ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? การเปรียบเทียบระหว่างสองประเภทของรถยนต์นี้มีข้อได้เปรียบและข้อเสียที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลต่อผู้ใช้งานเอง แต่ยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวงการอุตสาหกรรมในประเทศไปอีกด้วย มาทำความเข้าใจกันว่ารถยนต์น้ำมันกับรถยนต์ไฟฟ้าแตกต่างกันอย่างไรและควรเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมที่กำลังพบเจอกันในปัจจุบัน โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและผลกระทบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองประเภทของรถยนต์ดังกล่าว
หัวข้อ
รู้จักรถยนต์น้ำมันหรือรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง
รถยนต์น้ำมันหรือรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานเชื้อเพลิงจากปิโตรเลียม เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ เป็นรถยนต์ที่คุ้นเคยกันดี พบเจอได้ง่ายในชีวิตประจำวัน มีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้
ข้อดีของรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง
- สถานีเติมน้ำมันและแก๊สธรรมชาติครอบคลุมกว่า : รถพลังงานเชื้อเพลิงสามารถใช้น้ำมันเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนรถยนต์ สามารถเติมน้ำมันได้ที่สถานีบริการน้ำมันทั่วไป ซึ่งมีกระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
- การเปลี่ยนอะไหล่ทำได้ง่าย : เนื่องจากรถพลังงานเชื้อเพลิงมีการผลิตและวางจำหน่ายมานาน อะไหล่เครื่องยนต์ต่าง ๆ จึงมีสำรองในศูนย์ซ่อมรถ เมื่อรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่จึงมีอะไหล่พร้อมให้บริการ สะดวกกว่า
ข้อจำกัดของรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง
- ราคาน้ำมันแพง : รถพลังงานเชื้อเพลิงส่วนมากใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน ซึ่งราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวนสูงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ คนที่ใช้รถพลังงานเชื้อเพลิงจึงต้องแบกความเสี่ยงเรื่องน้ำมันแพง
- สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม : รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงจะมีการเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบวนการทำงานของรถ ส่งผลให้เกิดการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศ เป็นหนึ่งในสาเหตุของก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน
- การขับไม่นุ่มนวล : รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงจะมีเสียงที่ดังกว่า และการขับจะไม่นุ่มนวลเท่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่รถพลังงานเชื้อเพลิงก็สามารถเพิ่มความนุ่มในการขับได้ด้วยยางรถยนต์นุ่มเงียบ ควรเลือกยากที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ขับขี่สบาย เสียงรบกวนน้อย อย่างยางรถยนต์ NEXEN TIRE ตัวจริงเรื่องความนุ่มเงียบ ให้สัมผัสการขับขี่นุ่มสบายสุดฟิน
รู้จักรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV (Electric Vehicle) คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถยนต์ไฟฟ้าจะมีองค์ประกอบหลักในการทำงาน 3 ส่วน คือแบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า จะเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ และจะส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์ของตัวรถให้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยพลังงานจะถูกเก็บเอาไว้ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าอื่นๆ ที่สามารถส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องยนต์ได้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีข้อดีและข้อจำกัดที่น่าสนใจ ดังนี้
ข้อดีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- เสียงเครื่องยนต์เบากว่า : รถยนต์พลังงานไฟฟ้าใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อน ซึ่งไม่มีเสียงดังจากการเผาไหม้ของพลังงานเชื้อเพลิง ทำให้มีเสียงเบากว่าขณะขับขี่
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานบริสุทธิ์อื่นๆ มาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อจะใช้งานแบตเตอรี่จะแปลงพลังงานเหล่านั้นไปใช้ในการขับเคลื่อนรถ ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้านี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้
- ประหยัดค่าน้ำมัน : รถพลังงานไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เมื่อคำนวณค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการวิ่งระยะทางเท่ากันกับรถพลังงานเชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้าจะประหยัดค่าน้ำมันมากกว่ารถพลังงานเชื้อเพลิง
ข้อจำกัดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- ระยะทางในการขับขี่ : ระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่ 60 kWh จะวิ่งได้ประมาณ 350 กิโลเมตร ถ้าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ความจุมากกว่านี้ก็จะวิ่งได้ไกลกว่าเดิม แต่จะเสียเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มมากขึ้นเช่นกัน
- ราคาซื้อขายสูง : เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีการผลิตและจัดจำหน่ายในประเทศน้อย เมื่อเทียบกับอัตราการผลิตของรถพลังงานเชื้อเพลิง ราคาของรถพลังงานไฟฟ้าจึงยังคงสูงอยู่
- สถานีชาร์จไม่ครอบคลุม : รถยนต์ไฟฟ้าต้องมีการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อใช้ในการขับเคลื่อน แต่สถานีชาร์จยังคงไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และหากต้องการชาร์จเองที่บ้านก็ต้องซื้อหัวชาร์จรถยนต์ EV โดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะไม่สะดวกสำหรับบางคน
- การซ่อมบำรุงราคาสูง : รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมักจะมีอะไหล่สำรองอยู่ในศูนย์ซ่อม ในขณะที่อะไหล่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีการนำเข้ามาน้อย และแต่ละชิ้นราคาสูง หากมีการเปลี่ยนอะไหล่ เจ้าของรถจะต้องจ่ายมากกว่าการซ่อมรถพลังงานเชื้อเพลิง
ความแตกต่างของรถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV)
การสรุปความแตกต่างของรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง และรถพลังงานไฟฟ้านี้จะเน้นประเด็นที่คนมักคำนึงถึงเมื่อจะซื้อรถ สามารถสรุปความต่างของรถทั้ง 2 ประเภทได้ดังนี้
การขับเคลื่อน
- รถพลังงานเชื้อเพลิง : รถพลังงานเชื้อเพลิงจะใช้เชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติในการขับเคลื่อน ซึ่งมีสถานีบริการอยู่ทั่วไป พบเห็นได้ง่าย ใช้เวลาในการเติมพลังงานเชื้อเพลิงไม่นาน
- รถพลังงานไฟฟ้า : รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่สถานีบริการค่อนข้างน้อย ใช้เวลานานในการชาร์จแบตเตอรี่ หากไม่อยากรอคิวสถานีบริการชาร์จรถ EV สามารถเลือกชาร์จแบตที่บ้านได้ ซึ่งต้องกะเวลาให้แบตเต็ม เพื่อให้รถวิ่งได้ตามระยะที่กำหนด
- ความปลอดภัยในการใช้งาน
ความปลอดภัยในการใช้งาน
- รถพลังงานเชื้อเพลิง : รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมีอะไหล่รถยนต์หลายชิ้น เวลาเกิดความเสียหายจึงสามารถเปลี่ยนอะไหล่เพียงบางชิ้นได้ มีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่และไฟฟ้าน้อยกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงไม่มีปัญหาจากระบบอัจฉริยะที่มักจะติดตั้งมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า
- รถพลังงานไฟฟ้า : รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV เป็นรถที่มีเครื่องยนต์น้อย มีระบบความปลอดภัยทั่วไปเหมือนรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิง เช่น เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัย แต่มีข้อดีที่การไม่มีน้ำมันรถช่วยให้การขับรถลุยน้ำท่วมทำได้ดีกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำเข้ามาในตัวเครื่อง หรือผสมกับถังน้ำมัน รวมถึงแบตเตอรี่ของรถพลังงานไฟฟ้าออกแบบให้กันน้ำระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับรถ
- รถพลังงานเชื้อเพลิง : การซื้อรถพลังงานเชื้อเพลิงจะมีราคาถูกกว่า เบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็จ่ายน้อยกว่า รวมถึงค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ ด้วย ยกเว้นค่าเชื้อเพลิงที่ราคามีความผันผวนสูง และมีแนวโน้มจะขยับราคาขึ้นอีก
- รถพลังงานไฟฟ้า : รถพลังงานไฟฟ้าซื้อในราคาที่สูงกว่า เพราะการผลิตและจัดจำหน่ายยังคงน้อย ถึงจะมีเงินอุดหนุนจากภาครัฐก็ยังคงซื้อและผ่อนในราคาที่สูงกว่ารถพลังงานเชื้อเพลิง และการทำประกันภัยรถยนต์ต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงกว่า ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่า แต่ค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนถูกกว่ารถพลังงงานเชื้อเพลิง
สรุป
จากบทความ “รถยนต์น้ำมัน VS รถยนต์ไฟฟ้า” จะเห็นได้ว่ารถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงหรือรถยนต์น้ำมันมีการใช้เชื้อเพลิงเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อน โดยทั่วไปจะใช้เชื้อเพลิงที่ได้จากน้ำมันดิบ เช่น ดีเซลหรือเบนซิน ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลัก ซึ่งได้จากการชาร์จแบตเตอรี่ ความต่างสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมีการปล่อยก๊าซเสียในการเผาเชื้อเพลิงทำให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเสีย อีกทั้งรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามักมีความเงียบสงบและมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่าโดยรวม แต่ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่และระยะทางการขับขี่ที่จำกัดยังคงเป็นข้อจำกัดของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ติดต่อเรา
- ที่อยู่ : 607 ถ.เพชรเกษม ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (สาขาหาดใหญ่)
- Facebook : BYD BD Auto Group ตัวแทนจำหน่ายบีวายดีรายใหญ่สุดในภาคใต้
- LINE : @bydbdsongkhla
- สาขาของ BYD BD Auto Group
- เบอร์โทรติดต่อ : 074 805 656 (สาขาหาดใหญ่)
- เว็บไซต์ : www.bydbdautogroup.com